หญิง ชายสมัยนี้เป็นคู่ซี้กันมากขึ้น มากกว่าเพศเดียวกัน ร่วมทุกข์ ร่วมสุขด้วยกัน กระทั่งเพื่อนๆ มองว่า เป็นคู่รัก มากกว่า เพื่อน เพราะรู้และเข้าใจทุกอารมณ์ของกันและกัน บางคู่เมื่อหญิงและชาย แยกไปมีคนรักอย่างจริงจัง ฝ่ายที่เหลืออยู่ จะรู้สึกเหงาและเดียวดาย ส่วนผู้ที่จากไป จะรู้สึกกังวล ห่วงใย กระทั่งคู่รักเกิดความหึงหวง ต้องแยกจากกันอย่างจริงจัง แม้จะอาลัยอาวรณ์เพียงใดก็ตาม
หลายคนถูก เพื่อนตั้งคำถาม “ทำไมไม่จีบเป็นแฟนซะเลยหละ” ผู้หญิงจะตอบว่า “รู้ไส้รู้พุง” ผู้ชายจะตอบว่า “กระโดกกระเดกเหมือนม้าดีดกระโหลก” แต่ทั้งสอง รู้ซึ้งถึงทุกอารมณ์ของกันและกัน รู้ในสิ่งที่ชอบ ไม่ชอบ กิน ไม่กิน แทบจะพูดได้ว่า แค่ขยับตัวก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึก และต้องการอะไร การรู้ไส้ รู้พุง กันมากเกินไป ทำให้รักกันไม่ได้ เปล่าเลย – ความจริงคือ คนสองคนไม่เคยมีบรรยากาศของความหวานซึ้ง อาจจะเคยมี แต่ต่างฝ่ายต่างมองเห็นเป็นเรื่องขบขัน
คนแบบนี้หวงเพื่อนยิ่งกว่า จงอางหวงไข่ กว่าคนที่มีหัวใจจะบุกทะลวงผ่านมาได้ ต้องใช้ความพยายาม จนเพื่อนรักยอมรับ คู่ซี้แบบนี้จำนวนมากต้องทนอยู่กับความเจ็บปวด เมื่อสูญเสียอีกคนไป ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายจากไปก่อนเสมอ ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงอ่อนไหว แต่เธอกลัว กลัวถูกทิ้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นเพื่อนที่เธอรัก รักมาก แต่เธอไม่รู้ว่า วันใดเขาจะมีคนรัก และจากเธอไป
ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงจึงตอบรับความรักของชายหนุ่มที่มาบอกรักเธอ เพื่อนซี้บางคนถึงกับโวยวายว่า จะมีแฟนทำไมไม่บอก เธอจะบอกเขาได้อย่างไร ในเมื่อเธอแคร์ความรู้สึกของเขา กลัวเขาเจ็บปวด กลัวเขาโกรธ… ถึงอย่างไร
เธอไม่มีทางออก แม้ว่า บางครั้งแววตาของเขาจะเต็มไปด้วยแววตัดพ้อต่อว่า เพื่อซี้บางคนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตะคอกถามว่า
“อยากมีแฟนทำไมไม่บอก ฉันหาให้ก็ได้” หรือ “ฉันนี่ไงแฟนเธอ แหม! คนเขารู้กันทั่ว” รู้ว่าทั้งสองเป็นคู่ซี้กัน
อันที่จริง ความสัมพันธ์ ความผูกพันธ์ของคนสองคน สนิทแนบแน่นกว่าคนรัก และคนรักจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับเพื่อนซี้เสมอ เช่น
จะ ต้องคอยบอกคนรักว่าชอบไม่ชอบ จึงคิดถึงเพื่อนซี้ว่า ถ้าเป็นเพื่อนซี้ ไม่ต้องให้บอกว่า ไม่กิน ไม่ชอบ ไม่ไป ไม่เอา การแยกจากเพื่อนซี้กลายเป็นความระทมขมขื่น อันที่จริง การที่คนสองคนมีความเข้าใจกันอย่างถ่องแท้ แม้บนความเข้าใจนั้นจะอยู่บนพื้นฐานของความก้าวร้าวบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ คู่รักบางคู่โกรธกัน กล่าวคำหยาบคายยิ่งกว่าเพื่อนกับเพื่อน
คำว่า “เพื่อน” ต่างหาก ที่กางกั้น “ความรัก” ความรู้สึกละอายใจเกินไป ไม่กล้าเอ่ยคำว่า “รักเธอ” ความสนิทสนมมากเกินไป เกรงว่าจะได้รับเสียงหัวเราะแทนการตอบรับ รู้สถานภาพของกันและกันมากเกินไป กลัวจะได้รับการดูแคลน เล่นหัวกันจนหวั่นว่า จะไม่มีความซาบซึ้ง ใกล้ชิดกันมากจนคิดว่า ไม่มีอารมณ์ทางเพศ เหนือกว่าความหวาดกลัวทั้งหมด คือการกลัวความสูญเสีย “สูญเสียความรักระหว่างเพื่อนกับเพื่อน” บางรายเจ็บช้ำยิ่งกว่านั้น ถูกคนนอกวานให้เป็น พ่อสื่อ แม่สื่อ และคนที่ถูกเสนอ มักเกิดความโกรธ น้อยใจ ตัดสินใจรับรักประชดเพื่อนซี้ ต่างก็เจ็บปวดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
…. ใครที่แอบรักเพื่อนอยู่ ก่อนจากกันไปเรียน หรือไปอยู่ ที่อื่น อย่าลืม… บอกให้เค้ารู้ตัว ไม่แน่นะ เค้าอาจจะแอบชอบเราอยู่เหมือนกัน ก็เป็นไปได้
หลายคนถูก เพื่อนตั้งคำถาม “ทำไมไม่จีบเป็นแฟนซะเลยหละ” ผู้หญิงจะตอบว่า “รู้ไส้รู้พุง” ผู้ชายจะตอบว่า “กระโดกกระเดกเหมือนม้าดีดกระโหลก” แต่ทั้งสอง รู้ซึ้งถึงทุกอารมณ์ของกันและกัน รู้ในสิ่งที่ชอบ ไม่ชอบ กิน ไม่กิน แทบจะพูดได้ว่า แค่ขยับตัวก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึก และต้องการอะไร การรู้ไส้ รู้พุง กันมากเกินไป ทำให้รักกันไม่ได้ เปล่าเลย – ความจริงคือ คนสองคนไม่เคยมีบรรยากาศของความหวานซึ้ง อาจจะเคยมี แต่ต่างฝ่ายต่างมองเห็นเป็นเรื่องขบขัน
คนแบบนี้หวงเพื่อนยิ่งกว่า จงอางหวงไข่ กว่าคนที่มีหัวใจจะบุกทะลวงผ่านมาได้ ต้องใช้ความพยายาม จนเพื่อนรักยอมรับ คู่ซี้แบบนี้จำนวนมากต้องทนอยู่กับความเจ็บปวด เมื่อสูญเสียอีกคนไป ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายจากไปก่อนเสมอ ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงอ่อนไหว แต่เธอกลัว กลัวถูกทิ้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นเพื่อนที่เธอรัก รักมาก แต่เธอไม่รู้ว่า วันใดเขาจะมีคนรัก และจากเธอไป
ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงจึงตอบรับความรักของชายหนุ่มที่มาบอกรักเธอ เพื่อนซี้บางคนถึงกับโวยวายว่า จะมีแฟนทำไมไม่บอก เธอจะบอกเขาได้อย่างไร ในเมื่อเธอแคร์ความรู้สึกของเขา กลัวเขาเจ็บปวด กลัวเขาโกรธ… ถึงอย่างไร
เธอไม่มีทางออก แม้ว่า บางครั้งแววตาของเขาจะเต็มไปด้วยแววตัดพ้อต่อว่า เพื่อซี้บางคนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตะคอกถามว่า
“อยากมีแฟนทำไมไม่บอก ฉันหาให้ก็ได้” หรือ “ฉันนี่ไงแฟนเธอ แหม! คนเขารู้กันทั่ว” รู้ว่าทั้งสองเป็นคู่ซี้กัน
อันที่จริง ความสัมพันธ์ ความผูกพันธ์ของคนสองคน สนิทแนบแน่นกว่าคนรัก และคนรักจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับเพื่อนซี้เสมอ เช่น
จะ ต้องคอยบอกคนรักว่าชอบไม่ชอบ จึงคิดถึงเพื่อนซี้ว่า ถ้าเป็นเพื่อนซี้ ไม่ต้องให้บอกว่า ไม่กิน ไม่ชอบ ไม่ไป ไม่เอา การแยกจากเพื่อนซี้กลายเป็นความระทมขมขื่น อันที่จริง การที่คนสองคนมีความเข้าใจกันอย่างถ่องแท้ แม้บนความเข้าใจนั้นจะอยู่บนพื้นฐานของความก้าวร้าวบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ คู่รักบางคู่โกรธกัน กล่าวคำหยาบคายยิ่งกว่าเพื่อนกับเพื่อน
คำว่า “เพื่อน” ต่างหาก ที่กางกั้น “ความรัก” ความรู้สึกละอายใจเกินไป ไม่กล้าเอ่ยคำว่า “รักเธอ” ความสนิทสนมมากเกินไป เกรงว่าจะได้รับเสียงหัวเราะแทนการตอบรับ รู้สถานภาพของกันและกันมากเกินไป กลัวจะได้รับการดูแคลน เล่นหัวกันจนหวั่นว่า จะไม่มีความซาบซึ้ง ใกล้ชิดกันมากจนคิดว่า ไม่มีอารมณ์ทางเพศ เหนือกว่าความหวาดกลัวทั้งหมด คือการกลัวความสูญเสีย “สูญเสียความรักระหว่างเพื่อนกับเพื่อน” บางรายเจ็บช้ำยิ่งกว่านั้น ถูกคนนอกวานให้เป็น พ่อสื่อ แม่สื่อ และคนที่ถูกเสนอ มักเกิดความโกรธ น้อยใจ ตัดสินใจรับรักประชดเพื่อนซี้ ต่างก็เจ็บปวดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
…. ใครที่แอบรักเพื่อนอยู่ ก่อนจากกันไปเรียน หรือไปอยู่ ที่อื่น อย่าลืม… บอกให้เค้ารู้ตัว ไม่แน่นะ เค้าอาจจะแอบชอบเราอยู่เหมือนกัน ก็เป็นไปได้
จาก www.banprak-nfe.com